“อัมสเตอร์ดัม” มหัศจรรย์เมืองแห่งคลอง
อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเทล (Amstel) เริ่มก่อตั้งประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 12 ปัจจุบันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์
“อัมสเตอร์ดัม” ชื่อนี้มีที่มาอันน่าสนใจ มาจากคำ 2 คำ คือ อัมสเตล แม่นํ้าอัมสเตล บวกกับคำว่า ดัม ที่แปลว่าเขื่อนซึ่งเมื่อรวมความแล้วก็หมายถึง “เขื่อนที่อยู่ริมเเม่นํ้าอัมสเตล”อันมีจุดกำเนิดมาตั้งแต่ตอนต้นศตวรรษที่ 13 อัมสเตอร์นั้นถือว่าเป็นเมืองที่มีลักษณะพื้นที่เป็นเกาะมีคูคลองล้อมรอบเมืองถึง 4 ชั้น ที่ถูกขุดขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 17 มีความยาวรวมกันกว่า100 กม.เพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรและขนส่งสินค้ารวมถึงเป็นคูเมืองเพื่อป้องกันข้าศึกศัตรู มีประตูกันน้ำถึง 16แห่งด้วยกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเรียกว่า อัมสเตอร์ดัมนี้เป็นเมืองแห่งคลอง
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี่แล้วจะต้องไม่พลาดกิจกรรมทัวร์ที่ถือว่าป็นไฮไลต์ของการเที่ยวอัมสเตอร์เลยก็คือการล่องเรือหลังคากระจกเที่ยวชมคลองในอัมสเตอร์ดัม การล่องเรือหลังคากระจกเที่ยวชมคลองในอัมสเตอร์ดัม ลัดเลาะล่องไปตามลำคลองน้อยใหญ่ เพื่อชมทัศนียภาพของเมือง ชมตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่ริมคลองอันมีเอกลักษณ์ที่สวยงามแปลกตา ซึ่งบ้านริมคลองเหล่านี้จะมีส่วนหน้าบ้านไม่กว้างมากนัก และสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมสเปน ผสมกับ เรอเนสซองส์ ตัวตึกใช้อิฐแดงก่อแบบไม่ฉาบปูน ตกแต่งเป็นภาพปูนปั้นเทพเจ้ากรีกอย่างสวยงาม และหน้าจั่วมีไม้ยื่นออกมาเพื่อแขวนลอกไว้ชักลอกสิ่งของเข้าบ้านทางหน้าต่างเพราะหน้าบ้านแคบและประตูก็เล็ก
และในลำคลองยังมีเรือนแพรที่เป็นที่อยู่อาศัยอีกด้วย สถานีรถไฟกลาง (Centraal Station) ที่นี่เป็นสถานีรถไฟอันสวยงามที่ตั้งอยู่ตรงชายฝั่ง อ่าวไอย์ (ij) สร้างขึ้นในปีค.ศ.1889เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอเรอเนสซองส์ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิกที่สวยงามและยิ่งใหญ่ ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ ด็อกเตอร์ เกาเปอร์(Dr. Cuypers) เป็นคนเดียวกับที่ออกแบบสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไรค์ มิวเซียมสถานีรถไฟแห่งนี้ใหญ่โตโอฬารสร้างบนเสาเข็มจำนวนถึง8,657ต้น ที่หน้าตึกจะมีนาฬิ กาเรือนใหญ่อยู่ 2เรือน เรือนทางซ้ายบอกทิศทางลมส่วน เรือนทางขวาบอกเวลาและจากสถานีรถไฟแห่งนี้เราสามารถที่จะเดินทางไปสู่ทุก ประเทศในยุโรปได้เลยและที่สำคัญยังเป็นจุดรวมของรถรางรถเมล์ทุกสายที่ใช้ใน อัมสเตอร์ดัม และรอบนอกใกล้กับ สถานีรถไฟทุกแห่งอีกด้วย เรียกว่าเป็นจุดการเดินทางหลักที่สำคัญของเมืองอัมสเตอร์ จึงทำให้ที่นี่จอแจไปด้วยผู้คนมากมาย
ดัมสแควร์ (Dam Square) เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ ที่มีสถานที่สำคัญๆตั้งอยู่มากมาย อย่างมุมหนึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ใหม่ที่สร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 14 และ ผ่านการบูรณะซ่อมแซม ปรับปรุงจนถึงสร้างใหม่ หลายต่อหลายจนมีความสวยงามน่าชมเป็นอย่างยิ่ง และก็จะเห็นอนุสาวรีย์แห่งเสรีภาพ เป็นรูปทรงกรวยสขาวสูงประมาณ 70ฟุตสร้างขึ้นในปีค.ศ.1956เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2
ดัมสแควร์ (Dam Square) เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ ที่มีสถานที่สำคัญๆตั้งอยู่มากมาย อย่างมุมหนึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ใหม่ที่สร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 14 และ ผ่านการบูรณะซ่อมแซม ปรับปรุงจนถึงสร้างใหม่ หลายต่อหลายจนมีความสวยงามน่าชมเป็นอย่างยิ่ง และก็จะเห็นอนุสาวรีย์แห่งเสรีภาพ เป็นรูปทรงกรวยสขาวสูงประมาณ 70ฟุตสร้างขึ้นในปีค.ศ.1956เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2
พระราชวังหลวง (Koninklijk Plaeis) หรือ วังหลวง ที่ครั้งแรกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1655 มี จุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่ว่าการอำเภอสร้างโดยสถาปนิกที่ชื่อ ยาคอบ ฟาน กัมเปน ตรงหน้าจั่วของตึกแห่งนี้มีรูปปูนปั้นที่สวยงามเป็นรูปเทพีแห่งทะเล และสัตว์ในเทพนิยายกรีก
ภายในเป็นห้องโถงกว้างปูด้วยหินอ่อนเป็นรูปลูกโลกขลิบด้วยทองเเดงสวยงามเพดานวาดเป็นรูปภาพจักรวาล แต่ต่อมาในปีค.ศ. 1801หลัง จากที่เนเธอร์แลนด์ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสได้ใช้เป็นพระราชวังที่ประทับ ของพระเจ้าหลุยส์ โบนาปาร์ตน้องชายของนะโปเลียน โบนาปาร์ตจนถึงปีค.ศ.1810 เมื่อฝรั่งเศสหมดอำนาจลงก็ยังคงใช้เป็นพระราชวังที่ประทับของกษัตริย์เนเธอร์แลนด์ในปีค.ศ.1967สมเด็จ พระราชินีนาถจุเลียนาได้ทรงย้ายไปประทับอยู่ที่เมืองเฮกจึงมีการซ่อมแซม พระราชวังแห่งนี้ และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวังหลวงที่วิจิตรงดงามไปด้วยสถาปัตยรรมแบบ ยุโรป
กาลเวอร์ สตราท (Kalver Straat) เป็น ถนนชอปปิ้งสายสำคัญของคนอัมสเตอร์ดัม และของนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งถ้าใครเป็นนักท่องเที่ยวขาชอปตัวยงมีหวังได้หมดกระเป๋ากันเป็นแน่ เพราะถนนสายนี้จะคลาคล่ำไปด้วยร้านรวงที่ขายของและสินค้าของที่ระลึกให้ เลือกซื้อหาเป็นของขวัญของฝากอย่างมากมาย
กาลเวอร์ สตราท (Kalver Straat) เป็น ถนนชอปปิ้งสายสำคัญของคนอัมสเตอร์ดัม และของนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งถ้าใครเป็นนักท่องเที่ยวขาชอปตัวยงมีหวังได้หมดกระเป๋ากันเป็นแน่ เพราะถนนสายนี้จะคลาคล่ำไปด้วยร้านรวงที่ขายของและสินค้าของที่ระลึกให้ เลือกซื้อหาเป็นของขวัญของฝากอย่างมากมาย
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซด์(MadameTussauds Scenerama)ตั้งอยู่ชั้นบนของห้างสรรพสินค้าPeek&Cloppenburg ภาย ในจัดเป็นนิทรรศการหุ่นขี้ผึ้งที่มีชีวิตชีวา หุ่นทุกตัวดูราวมีชีวิตสมจริงมากๆมีการจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของ อัมสเตอร์ดัม รวมทั้งหุ่นขี้ผึ้งของบุคคลสำคัญต่างๆ มากมายให้เราได้กระทบไหล่ประชิดตัว(หุ่น)จริงๆ กันแบบใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นหุ่นนักร้องชื่อดังอย่าง บียอนเซ่, เอลวิส เพรสลี่, จัสติน ทิมเบอร์เลค ผู้นำระดับโลกก็มี บารัค โอบามาประธานาธิบดีUSA. , องค์ทาไลลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของฑทิเบต เป็นต้น และมีหุ่นดาราฮอลลีวูดให้แอ็คท่าถ่ายรูปคู่ด้วย อาทิ แองเจลินา โจลี, แบรด พิตท์, เจนนิเฟอร์ โลเปซ, มาริลิน มอนโร และหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญต่างๆ อีกมากมาย
พิพิธภัณฑ์ไรค์ (Rijksmuseum) หรือ ไรค์มิวเซียม ถือว่าเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดสร้างขึ้นในปีค.ศ.1885เพื่อเป็นที่รวมรวบผลงานศิลปะของเนเธอร์แลนด์ทุกแขนง ตัวอาคารมีลักษณะคล้ายกับ ตึกสถานีรถไฟสร้างด้วยอิฐสีเเดงสไตล์นีโอโกธิกภายในพิพิธภัณฑ์อันกว้างใหญ่มีทั้งหมด 260 ห้อง จัดเก็บรวบรวมภาพเขียนของจิตรกรชาวดัตช์ผู้มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 15ถึงศตวรรษที่19 อย่างจิตรกรที่คนไทยรู้จักกันดีคือ เรมบรันด์ (Rembrandt) ผู้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากภาพ The Night Watch ซึ่งแขวนอยู่ในห้องโถงใหญ่ด้านหน้าและยังมีภาพอีกกว่า 200 ภาพของเขาแขวนอยู่ในนี้ด้วย รวมไปถึงภาพเหมือนจากศตวรรษที่ 16งานเซรามิก พอร์ซเลน และประวัติศาสตร์ของเนเธอร์แลนด์ในห้องประวัติศาสตร์ชั้นล่างและ มีภาพสำคัญอยู่ภาพหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ควรพลาดชมก็คือ ภาพวาดกรุงศรีอยุธยา ที่วาดขึ้นโดยนักเดินเรือนนิรนามชาวฮอลันดา ชื่อภาพโยเดีย (Iodla)และประวัติศาสตร์การเดินเรือของกลุ่มดัตช์ อีสต์ อินดีส คัมปานี(Dutch East Indles Company หรือ V.O.C) เรียกว่าใครที่ชื่นชอบงานด้านศิลปะและประวัติศาสตร์รับรองว่ามาที่ไรค์มิวเซียมนี้แล้วจะเพลิดเพลินเดินชมกันได้ทั้งวัน
พิพิธภัณฑ์แวะโกะห์ (Van Gogh Museum) ที่ นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงผลงานของแวนโกะห์ไว้มากที่สุด และเห็นถึงพัฒนาการในงานศิลป์ของเขามีภาพวาดสีน้ำมันของแวนโกะห์ จิตรกรแนวอิมเพรสชั่นนิสม์ชาวดัตช์ในสมัยศตวรรษที่ 19ตั้งแสดงอยู่ถึง 200 ภาพและมีงานสเก็ตช์ดรออิงเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของแวนโกะห์ รวมทั้งภาพของโมเนต์ (Monet)และโกแกง (Gauguin)ตั้งแสดงอยู่ด้วย และภาพวาดที่มีชื่อเสียงของ แวนโกะห์ที่ไม่ควรพลาดไปชม ก็มีภาพสาวน้อยที่สะพานบาง, ภาพดอกทานตะวัน, The Potato, Still Life with Sunflower และ Cornfield with Crow เป็นต้น และภาพวาดอื่นๆ อีกมากมาย