บทที่ 6
ศิลปวัฒนธรรมตะวันตกสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการและสมัยบารอค-รอคโคโค
สมัยการฟื้นฟูศิลปะวิทยาการมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางสังคม วัฒนธรรมเศรษฐกิจและการเมืองเกิดขึ้นก่อนในอิตาลีก่อน จากนั้นก็เผยแพร่ไปทางยุโรปตอนใต้ ได้แก่ ฝรั่งเศสเยอรมนีตอนใต้ และสเปน ส่วนยุโรปทางเหนือนั้นรับอิทธิพลการเปลี่ยนแปลงจากอิตาลีเช่นกันแต่เน้นการเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด และข้อปฏิบัติทางคริสต์ศาสนา
สาเหตุที่สมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการเกิดขึ้นก่อนในอิตาลี
ประการที่หนึ่ง สภาพทางภูมิศาสตร์ อิตาลีเป็นที่ตั้งของกรุงโรม ศูนย์กลางของอารยธรรมโรมัน
ประการที่สอง สงครามครูเสด ซึ่งเกิดขึ้นเป็นเวลายาวนานร่วมสองศตวรรษตลอดเวลาของสงคราม
ประการที่สาม ความเสื่อมโทรมของสถาบันทางคริสต์ศาสนาฝ่ายบริหารขององค์กรศาสนา ประพฤติตัวเหลวแหลกเป็นส่วนใหญ่
ประการสุดท้าย สภาพเศรษฐกิจและสังคมดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ชาวอิตาลีค้าขายของจนร่ำรวยแล้วก็พยายามมหาทางเข้าไปมีบทบาททางการปกครอง
ลักษณะศิลปวัฒนธรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
1. ชนชั้นกลางมีบทบาทสูงสุดชนชั้นกลาง คือ พ่อค้าเป็นกลุ่มที่ควบคุมทั้งด้านการ ปกครอง การเมือง ทหาร เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
2. ศิลปะทุกด้านนิยมความสวยงามตามแบบกรีก-โรมันแม้อิทธิพลของศิลปะกอธิกและไบแซนไทน์จะมีอยู่บ้างแต่ศิลบปกินอิตาเลียนได้นำศิลปะแบบกรีก-โรมันมาเป็นแม่แบบแล้วเพิ่มเทคนิคใหม่ ๆ
3. เป็นสมัยที่ภาษาและวรรณคดีมีแบบแผนสมบูรณ์สละสลวยตามแบบภาษาและวรรณคดีกรีก-โรมัน ชนชั้นกลางโดยทั่วไปนิยมศึกษาวรรณคดีกรีและภาษีละติน
4. เน้นแนวความคิดตามอุดมการณ์ของลัทธิมนุษย์กนิยม
ลักษณะของวรรณคดี
การเปลี่ยนแปลงทางวรรณคดีจากสมัยยุคกลางมาสู่สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการนี้จะเริ่มจะเริ่มเห็นได้ชัดตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 ลักษณะวรรณคดีในยุคนี้จะแตกต่างจากยุคกลางแทบจะโดยสิ้นเชิง
ลักษณะคำประพันธ์ต่าง ๆ จะเลียนแบบคำประพันธ์ของกรีก-โรมันทุกด้านมีการพิมพ์บทประพันธ์ภาษากรีก-ละติน เป็นภาษาท้องถิ่นด้วยเรื่องราวเทพนิยายกรีกจึงเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย
ศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
ศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการศิลปะในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการนั้นได้นำหลักการศิลปะกรีก-โรมัน มาผสมผสานเข้กับเทคนิคใหม่ ๆ ของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการได้แก่การจัดให้มี แสง เงา ช่องว่า และภาพี่แสดงการเคลื่อนไหวและเพื่อให้ภาพดูใกล้ความเป็นจริงศิลปินจึงได้เพิ่มภาพลวงให้เห็นส่วนลึกเข้าไปด้วย
จุดเริ่มต้นของศิลปะเรอแนสซองส์เริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบศิลปะให้ต่างจากยุคกลางตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 จากผลงานนิโคลา ปิซาดน ผู้ออกแบบและสร้างแท่นสวน วัดที่เมืองปิชา เป็ดภาพนูนเกี่ยวกับประวัติของพระเยชูโดยใช้รูปแบบและกลวิธีอย่างประติมากรรมกรีก-โรมัน ประติมากรรมดังกล่าวจึงมีชื่อเสียงและกลายบันดาลใจให้กับศิลปินเรอแนสซองส์ระยะต่อมา
ศิลปะเรอแนสซองส์ส่งผลให้มีผู้อุปถัมภ์ศิลปินอย่างคึกคัก สภาวการณ์ดังกล่าวจึงกระทบต่อทัศนคติของศิลปินเป็นอย่างยิ่งด้วยเหตุนี้ไม่เคิลแองเจโลจึงเป็นทั้งกวี จิตรกรสถาปนิกกระทบต่อทัศนคติของศิลปินเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ไม่เคิลแดงเจโลจึงเป็นทั้งกวี จิตรกรสถาปนิกและวิศวกรส่วนเลโอนาร์โด ดาวินซี ก็เป็นทั้งศิลปิน นักวิทยาศาสตร์และวิศวกร
ศิลปินสมัยเรอแนสซองส์ ยุครุ่งเรือง
ลีโอนาร์โด ดา วินชี มีผลงานส่วนใหญ่ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 แต่ได้รับการยกย่องในสมัยเรอแนสซองส์ยุครุ่งเรืองผลงานของดาวินชีเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15-16
นอกจากลีโอนาโด ดาวินชีแล้วศิลปินสมัยเรอแนสซองส์ยุครุ่งเรืองแล้วอัลเบรคท์ดูเรอร์ ศิลปินชาวเยอรมัน ก็ได้รับการยกย่องเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน ผลงานสำคัญชิ่นหนึ่งคือภาพเหมือนศิลปิน จัดแสดงที่เมืองมิวนิคแต่ผลงานของเขากลับส่งอิทธิพลอย่างกว้างขวางแก่ศิลปินในอิตาลีและเนเธอร์แลนด์ยกเว้นเยอรมนี
การปฏิรูปศาสนา
ในระหว่างคริสศตวรรษที่ 14-15 สถาบันคริสต์ศาสนาประสบกับความท้าทายอำนาจอย่างมากจากหลายฝ่ายนอกจากพลังทางความคิดแบบปัจเจกชนนิยมแล้วการเปลี่ยนแปลงสภาพเศรษฐกิจสังคมและการปกครองกลายเป็นปัจจัย สำคัญที่สั่นคลอนอำนาจของศาสนาจักร
กลุ่มที่ต้องการแก้ไขปรับปรุงแก้ไขข้อ ปฏิบัติต่าง ๆ ของศาสนาจักรแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
- กลุ่มมนุษยธรรมคริสเตียน
- กลุ่มของเจ้าหน้าที่ในองค์การศาสนาคริสต์
บทบาทของมาร์ติน ลูเธอร์
เมื่อมาร์ติน ลูเธอร์เริ่มงานปฏิรูปศาสนา จุดประสงค์ระยะแรกของเขาคือ ต้องการให้มีการจัดระบบการบริหารภายในสถาบันศาสนาใหม่โดยใช้ระบบผู้แทนแทนระบบการแต่งตั้งอีกทั้งต้องการให้มีการปฏิรูปศาสนาในระดับต่าง ๆ และลดความสำคัญของพระสันตปาปาในการแต่งตั้งและมีอำนาจเหนือพระราชาคณะใน ค.ศ. 1517 ลูเธอร์เสนอหลักการ 95 ประการ ติดประกาศที่บานประตูโบสถ์ ณ เมืองวิตเตนเบอร์ก โจมตีความเสื่อมทรามของศิลธรรมจรรยาของพวกพระและการปฏิพฤติปฏิบัติผิดในคริสต์ศาสนา
แนวคิดและหลักการของลูเธอร์
หลักการปฏิบัติของลูเธอร์ที่แตกต่างจากองค์การคริสต์ศาสนาจักรมี 3 ประการ ดังนี้
1. ศรัทธาโดยความเชื่อไม่ใช่โดยการกระทำ
2. อำนาจสูงสุดของพระคัมภีร์คือสิ่งเดียวที่ตัดสินความถูกต้อง
3. คริสต์ศาสนิกชนทุกคนเป็นพระได้ทั้งนั้น
ความคิดทางการเมืองของลูเธอร์
ในความคิดทางการเมืองลูเธอร์สนับสนุนอำนาจการปกครองสูงสุดของฝ่ายบ้านเมืองทั้งนี้เพราะลูเธอร์ไม่ต้องการให้ศาสนาเข้ไปมีส่วนรับผิดชอบในทางโลก เขายอมรับว่ารัฐบาลเป็นสิ่งจำเป็นเพราะจะทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง และเป็นหน้าที่ของคนในบังคับที่ต้องเชื่อฟังฝ่ายปกครอง
แนวความคิดของจอห์น คาลแวง
1. การปฏิรูปศาสนามีผลโดยตรงต่อประเทศตะวันตก กล่าวคือได้แบ่งแยกคริสต์ศสนิกชนเป็น 2 นิกายคือ นิกายโรมันคาทอลบิกสนับสนุนพระสันติปาปาแห่งกรุงโรมก็แบ่งแยกออกเป็นนิกายต่าง ๆ จำนวนมาก
2. ก่อให้เกิดปฏิรูปนิกายโรมันคาทอลิก หลังจากที่หลายประเทศในยุโรปมีการปฏิรูปศาสนาและยอมรับนิกายโปรแตสแตนท์ ซึ่งฝ่ายคาทอลิกประมาณว่าเป็นการปฏิวัติต่อต้านอำนมาจสูงสุดที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าและเป็นการปฏิวัติทางศาสนา
ผลการปฏิรูปทางศาสนาที่มีต่อโลกตะวันตก
การปฏิรูปศาสนา ทำให้สังคมตะวันตกซึ่งเคยมีคริสต์ศาสนาเป็นศูนย์รวมของผู้คนหลายหลายชาติภายใต้ศรัทธาและความเชื่อเดียวกันเกิดความแตกแยกและหันไปนับถือคริสตศาสนานิกายต่าง ๆ และเกิดขันติธรรมทางศาสนาทำให้ประเทศต่าง ๆ หันมาปรับปรุงประเทศของตนแทนการยึดติดกับศาสนา จนเกิดแนวทางใหม่ในสังคมตะวันตกโดยที่ผู้ปกครองเป็นอิสระจากการครอบงำของศาสนาคริสต์ดังเช่นสมัยกลาง
ศิลปะบารอค
ยุคบารอคกำเนิดขึ้นเป็นครั้-แรกที่ประเทศอิตาลี แล้วขยายวงกว้างออกไปทั่วยุโรประหว่าง ค.ศ. 1550-1750 เจริญสูงสุดระหว่าง ค.ศ. 1680-1730 ในช่วงนี้มีชื่อเรียกว่ายุคในทางศิลปะ ระยะเวลา 200 ปีตั้งแต่ช่วงปลายยุคเรอแนสซองส์ได้เกิดแนวทางการสร้างสรรค์ศิลปะที่แปลกไปจากสมัยเรอแนสซองส์ยุครุ่งเรืองทั้งจิตรกรรมประติมากรรมสถาปัตยกรรมวรรณกรรรมและคนตรีเรียกว่า ศิลปะบารอคคำว่า ลักษระที่ผิดเพี้ยนไปจากระเบียบวีคิดทางการสร้างสรรค์ต้นแบบ
จิตรกรรม
จิตรกรรมสมัยบารอคเป็นผลสืบเนื่องมาจากการพัฒนาจิตรกรรมสมัยเรอแนสซองส์ยุครุ่งเรือง โดยเน้นให้เกิดความขัดแย้งระหว่างแสงเงาเพื่อให้ดึงดูดความสนใจและความประทับใจเมื่อเกิดการปะทะรับรู้ทางการมองเห็นอย่างฉับพลัน ลักษณะเด่นอีกประการของจิตรกรรมบารอค คือ ภาพคนจะแสดงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายอย่างหรูหรา
คาราวัคโจ
คาราวัคโจ ได้รับการยกย่องจากนักประวัติศาสตร์ศิลปะว่า เป็นศิลปินสมัยบารอคคนแรก ที่ปูทางไว้ให้กับรูเบนส์ เรมบรานท์และเวอร์เมียร์ แม่นยำเรื่องกายวิภาคศาสตร์ของคน มักจะเขียนภาพเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา
รูเบนส์, A Garden of Love, สีน้ำมันบนผ้าใบ, ค.ศ. ๑๖๓๒–๑๖๓๔
เทคนิคแนวทางศิลปะของเรมบรานท์
แทนที่จะเขียนภาพเพื่อเหตุผลทางศาสนาเขากลับกลับเขียนภาพที่มีเนื้อหาอื่นทำให้ภาพเขียนของเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพเขียนที่ยิ่งใหญ่เทคนิคทางสิลปะที่เรมบรานท์ใช้คือความแตกแนเรื่องหลักกายวิภาคศาสตร์ ผสมผสานกับการจัดภาพแบบกระจายซ่อนภาพรางๆ ไว้ในความมืด และให้แสงสว่างจ้าเป็นจุดเน้นของภาพกระจายเป็นจุด ๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนของเรมบรานท์ที่ส่งอิทธิพลแก่ศิลปินรุ่นหลังมากที่สุด
ประติมากรรผลงานประติมากรรมสมัยบารอค มีลักษณะรูปแบบศิลปะที่แสดงองค์ประกอบอันวิจิตรอลังการเช่นเดียวกับจิตรกรรมแสดงท่วงท่าอย่างโลดโผนคล้ายการแสดงละคร
เบอร์นินี
เกิดในครอบครัวประติมากรมีชื่อเสียงเขาเป็นศิลปินทั้งด้านจิตรกรรม ประติมากรรมและสถาปัตยกรรมมีโอกาสสร้างงานชุดที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นอาชีพประประกอบด้วยภาพ
สถาปัตยากรรมบารอค
ศิลปะโรโกโก
ปารกฎในยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นแบบอย่างศิลปกรรมอีกแบบหนึ่งของบารอค หรือเป็นผลจากพัฒนาการของศิลปะบารอค นักวิชาการบางท่านถือว่าเป็นศิลปะกลุ่มเดียวกับศิลปะบารอค
จิตรกรรมรอคโคโค
จิตรกรรมโรโกโกมีลักษณะไม่แตกต่างจากงานประดับประดาตกแต่งทั่วไป จิตรกรจะเน้นรายละเอียดในการประดิษฐ์ตกแต่งส่วนประกอบย่อยมากมาย หรูหรา เกินธรรมชาติเพื่อเน้นในเกิดความหลงใหลในบรรยากาศแห่งภาพนั้น ๆ
ดนตรีคลาสสิก
ศิลปะการดนตรีมีวิวัฒนาการควบคู่กับมนุษย์มาเป็นเวลาช้านานเช่นเดียวกับงานสถาปัตยกรรมการดนตรีมีความเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมไปตามยุคต่าง ๆ ตั้งแต่ดึงดำบรรพ์ในยุคกรีกและโรมันการดนตรีสอดแทรกอยู่ในงานเฉลิมฉลองต่างๆ และกิจการทางศาสนาโดยเริ่มมาการใช้ตัวหนังสือแทนโน้ตดนตรีในศตวรรษที่ 5 เมื่ออาณาจักรโรมันล่มสลายลงทำให้เป็นช่วงเวลาแห่งยุคมืด
อุปรากร ได้ถือกำเนิดขึ้นในปลายศตวรรษที่ 16 ณ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลีและได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดสูงสุดที่กรุงประเทสออสเตรียโดยคีตกวีกลุ๊ค และโมสาร์ท ในปลายศตวรรษที่ 18 และช่วงปลายศตวรรษที่ 19 อุปรากรได้รับการพัฒนาต่อมาอีกอย่างรุ่งเรืองโดยคีตกวีที่มีชื่อเสียงได้แก่
กรุงเวียนนายังเป็นศูนย์รวมของศิลปินท่านอื่น ๆ จำนวนมากในยุคนี้การดนตรีได้กลายเป็นชีวิตจิตใจของชาวยุโรปนักดนตรีและคตกวีได้รับการสนับสนุนและชุบเลี้ยงจากราชสำนักศิลปะการดนตรีมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างสุมส่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น