วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บทที่ 2 อารยธรรมในเอเชียไมเนอร์และแอฟริกาเหนือ

บทที่ 2
อารยธรรมในเอเชียไมเนอร์และแอฟริกาเหนือ :รากเหง้าความเจริญของชาวตะวันตก
รากเหง้าดั้งเดิมของอารยธรรมตะวันตกในแอฟริกาเหนือและเอเชียไมเนอร์ ก่อตัวขึ้นเมื่อ 4,000 B.C. พื้นที่สำคัญ 2 ภูมิภาค คือดินแดนเมโปเตเมียในลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส ในเอเชียไมเนอร์

ศิลปวัฒนธรรมในดินแดนเมโสโปเตเมีย
ดินแดนเมโสโปเตเมีย หรือดินแดนแห่งแถบลุ่มแม่น้ำทั้งสอง (คือแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส)เป็นดินแดนแห่งศิลปวัฒนธรรมที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก เมื่อ 4,000 B.C.
ดินแดนเมโสโปเตเมียมีลักษณะภูมิประเทศที่เปิดโล่งปราศจากปราการธรรมชาติจึงมักถูกชนเผ่าต่างๆรุกราน ชนเผ่าต่างๆที่เคยมีอำนาจและสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมเหนือดินแดนเมโสโปเตเมีย ได้แก่ ชาวสุเมเรียน ชาวอัคคาเดียน ชาวอะเมอไรต์ และชาวอัสซีเรียน เป็นต้น

ชาวสุเมเรียน
ชาวสุเมเรียนเป็นคนกลุ่มแรกที่มีอำนาจปกครองชนเผ่าต่างๆเหนือดินแดนเมโสโปเมีย สภาพภูมิอากาศแบบกึ่งทะเลทราย มีธรรมชาติที่แปรปรวนไม่เอื้อต่อการดำรงชีวิตเท่าใดนัก บางครั้งก็ร้อนจัดติดต่อกัน มีพายุรุนแรง บางครั้งทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน บางครั้งหิมะจากเทือกเขาอะเมเนียนก็ละลายลงมาท่วมซ้ำ ทำให้ชาวเมโสโปเตเมียเป็นพวกมองโลกในแง่ร้ายไม่เห็นคุณค่าของชีวิตในโลกปัจจุบันมองตนเองเป็นเพียงทาสรับใช้หรือเครื่องตอบสนองความพึงพอใจของพระเจ้า

การปกครองและสภาพสังคมสุเมเรียน
ชาวสุเมเรียนทุกคนเชื่อเรื่องการยกย่องและยำเกรงพระเจ้า มีหน้าที่ต้องซื่อสัตย์และรับใช้พระเจ้า เพื่อเป็นหลักประกันให้ได้รับความเมตตาจากพระองค์
หลักฐานทางวัฒนธรรมของชาวสุเมเรียนส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับศาสนา พวกเขามักสร้างศาสนสถานด้วยอิฐตากแห้ง ลักษณะคล้ายภูเขาขนาดใหญ่กลางเมืองเพื่อเป็นที่ประทับของเทพเจ้า เรียกว่า ซิกเกอแรต (Ziggurat) ชาวสุเมเรียนไม่นิยมสร้างพระราชวังขนาดใหญ่

                                                     ซิกเกอร์แรตแห่งเออร์

นักบวชเป็นชนชั้นสูงสุดในอาณาจักรสุเมเรียน ระยะแรก ปกครองโดยสภาของผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะ ระยะหลังปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย

การประดิษฐ์อักษรคูนิฟอร์มและความเจริญ
ชาวสุเมเรียนเป็นชนกลุ่มแรกที่รู้จักประดิษฐ์ลายลักษณ์อักษรเรียกว่า อักษรคูนิฟอร์มหรืออักษรลิ่ม มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก  วรรณกรรมสำคัญของชาวสุเมเรียนคือ มหากาพย์กิลกามิช เป็นเรื่องการผจญภัยของวีรบุรุษที่แสวงหาชีวิตอมตะ ได้แนวความคิดเรื่องน้ำท่วมโลก ผู้คิดค้นหลักการอ่านอักษรคูนิฟอร์มคือ จี.เอฟ.กรอทเฟนด์

                                              ภาพการพัฒนาอักษรคูนิฟอร์ม

ความเสื่อมของอาณาจักรสุเมเรียน
ในช่วง 2,370 B.C. กษัตริย์ซาร์กอนแห่งอาณาจักรอัคคัด(เซมิติก) ได้รวบรวมเมืองในลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติสเข้าด้วยกัน เรียกว่า อาณาจักรอัคเคเดียน ปี (1,799-1,750 B.C.) ชาวอะมอไรต์ ซึ่งเป็นชนเผ่าเซมิติกภายใต้การนำของพระเจ้าฮัมมูราบีจากทะเลทรายอาระเบียก็ยึดครองดินแดนเมโสโปเมียและตั้งอาณาจักรบาบิโลเนียขึ้น
มีประมวลกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรของพระเจ้าฮัมมูราบี ยึดหลักการแบบตาต่อตาฟันต่อฟันในการลงโทษ
                                      แผ่นหินจารึกประมวลกฎหมาย ฮัมมูราบี                         

จักรวรรดิอัสซีเรีย
มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองนิเนเวห์ ปกครองราษฎรด้วยวิธีการกดขี่ขูดรีดภาษีและโยกย้ายชาวเมืองดั้งเดิมออกไปจากถิ่นฐาน
     
                    สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน  (The Hanging Garden of  Badilon)

ศาสนาและความเชื่อของชาวอียิปต์
ชาวอียิปต์เชื่อว่าเทพเจ้าเป็นผู้มีเมตตาและยกย่องฟาโรห์เสมอเทพเจ้าฟาโรห์จึงศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นกฏหมาย นิยมสร้างปิรามิด ปิรามิดที่สำคัญคือ The Great Pyramid of Gizeh อุทิศแด่ฟาโรห์คีออปส์ มีรูปสิงโตหน้าคนที่เรียกว่า Sphinx
มหาปิรามิดที่เมืองกีเวห์ องค์ซ้ายอุทิศแด่ฟาโรห์ไมเซรินัส 2,575 ปี B.C. องค์กลางอุทิศแด่ฟาโรห์คีออฟ 2,650 ปี B.C. องค์อุทิศแด่ฟาโรห์เชเฟรน 2,600 ปี B.C.
                                                                              Sphinx

ความเจริญด้านอักษรศาสตร์ของอียิปต์
ชาวอียิปต์ประดิษฐ์อักษรภาพเรียกว่าอักษรไก่เขี่ยหรืออักษรเฮียโรกลิฟิก เพื่อบันทึกเรื่องราวทางศาสนาโดยเขียนบนกระดาษปาปิรุส อักษรไก่เขี่ยพัฒนาเป็นอักษรเฮียราติก ฌอง ฟรองซัวร์ ชองโปลิยอง เป็นผู้อ่านอักษรเฮียโรกลิฟิกจากจารึกบนแผ่นหินโรเซ็ทตา เมื่อค.ศ.1882

     
                                            ตัวอักษรเฮียโรกลิฟิก(Hieroglyphic)

                               คัมภีร์มรณะ แสดงให้เห็นอักษรภาพเฮียโรกลิฟฟิก
                                                                อักษรแห่งอียิปต์โบราณ
  
ชาวฟีนิเชียน
ชาวฟีนิเชียนเป็นชนเผ่าเซมิติก เดิมเรียกว่าพวก Canaanitesอาศัยอยู่บริเวณคะนาอันเมื่อประมาณ 2,000 BC. มีรากฐานมาจากดินแดนเมโสโปเตเมียและอียิปต์ สภาพแวดล้อมริมฝั่งทะเลทำให้ชาวฟีนิเชียนเชี่ยวชาญการเดินเรือและการค้า พ่อค้าชาวฟีนิเชียนเดินเรือนำอารยธรรมมาจากตะวันออกไปยังแดนต่างๆ ในมหาสมุทรแอตแลนติกและอังกฤษเป็นพวกแรก สามารถตั้งอาณานิคมบนเกาะซิซิลีและเมืองคาร์เทจทางเหนือของแอฟริกา ในช่วงปี 750 BC.ชาวแอสซีเรียนได้ยึดครองดินแดนของชาวฟีนิเชียน เกือบหมดเหลือเมืองคาร์เทจเท่านั้น ในปี 146BC. เมืองคาร์เทจก็ถูกทำลายโดยจักวรรดิโรมัน

ชาวฮิบรู
ชาวฮิบรูเป็นชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทราย เมื่อประมาณ 1,400BC.ชนเผ่านี้มีโมเสสเป็นผู้นำในการปลดแอกจากการเป็นทาสขงอียิปต์
ในสมัยพระเจ้าเดวิดชาวฮิบรูก่อตั้งอาณาจักรอิสราเอลขึ้นเป็นครั้งแรก ในสมัยพระเจ้าโซโลมอนอาณาจักรอิสราเอลสามารถขยายตัวเป็นจักรวรรดิ แต่ไม่นานก็แตกแยกเป็นอาณาจักรอิสราเอลทางทิศเหนือและอาณาจักรจูดาร์ทางทิศใต้ และในที่สุดอาณาจักรอิสราเอลก็ถูกทำลายโดยชาวแอสซีเรียน การพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้ชาวฮิบรูถูกกวาดต้อนไปยังบาบิโลเนียใหม่ เรียกเหตุการณ์นี้ว่า “The Babylonian Captivity” จากนั้นชาวฮิบรูก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของเปอร์เซีย กรีก โรมันตามลำดับ
ในปีค.ศ.70ชาวฮิบรูก่อการกบฏต่อจักรวรรดิโรมัน ทำให้ดินแดนปาเลสไตน์ถูกทหารโรมันทำลายชาวฮิบรูกลายเป็นชนเผ่าเร่ร่อน
ศาสนายูดาย เป็นศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ พระยะโฮวา ทรงเลือกชาวฮิบรูเป็นประชาชนของพระองค์ พระคัมภีร์เก่าของศาสนายูดาย ระบุถึงกำเนิดของศาสนายูดาย

ชาวเปอร์เซียน
ชาวเปอร์เซียนเป็นชนเผ่าอินโด-ยูโรเปียนเดิมอาศัยอยู่ทางเหนือของทะเลดำครั้นถึงปีที่ 1,200BC.จึงอพยพสู่ที่ราบสูงอิหร่านระยะแรกถูกปกครองโดยชาวมิเดสต่อมาพระเจ้าไซรัสได้สถาปนาอาณาจักรเปอร์เซียขึ้นในปี 549BC. แล้วขยายอำนาจครอบคลุมตั้งแต่อินเดียถึงปาเลสไตน์ เมโสโปเตเมีย ลิเดีย ซีเรียและอียิปต์ ในสมัยพระเจ้าดาริอุสจักรวรรดิเปอร์เซียปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

ศิลปะและศาสนาของชาวเปอร์เซียน
ศิลปะเปอร์เซียเกิดจากการผสมผสานอย่างหลากหลาย หลักฐานสำคัญคือพระราชวังเปอร์ซิโพลิสมีเสาหินสูงเพรียวอ่อนช้อย ทำหัวเสาเป็นรูปสิงโตหรือวัวอย่างกลมกลืนกับโครงสร้าง มีหินเป็นวัสดุก่อสร้างในเอเชียไมเนอร์และเมโสโปเตเมียนยมใช้อิฐ
ชาวเปอร์เซียนนับถือาสนาโซโรแอสเตอร์เรียกอีกอย่างว่าลัทธิบูชาไฟ ศาสดาชื่อโซโรแอสเตอร์นับถือพระเจ้าองค์เดียวคืออาหุรา มาสดา เทพแห่งความดีหรือเทพแห่งแสงสว่าง ชาวเปอร์เซียมีหน้าที่ช่วยเทพแห่งความดีต่อสู้กับอาหริมานหรือซาตานแห่งความชั่ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น